เรื่องที่เราควรรู้ในเรื่องของอาการ “ความจำเสื่อม”

โรคความจำเสื่อม นั้นเป็นโรคที่เราสามารถพบได้ในช่วงที่อายุของของเรากำลังเข้าสู่ช่วงวัยชรา  ซึ่งในช่วงบั้นปลายของชีวิตนั้นจะเป็นช่วงที่อายุของเรามากขึ้น อะไรก็เสื่อมสภาพโดยเฉพาะเซลล์สมองเองก็เริ่มมีการเสื่อมสภาพด้วยเช่นกันดังนั้นในบทความนี้เราอยากจะขอพูดถึง เรื่องที่เราควรรู้ในเรื่องของอาการ “ความจำเสื่อม” กันดีกว่านะครับเพื่อที่จะทำให้ทุกคนนั้นเข้าในในเรื่องของโรคความจำเสื่อม มากขึ้นนะครับ  ความจำเสื่อม เกิดจากอะไร   ก่อนอื่นเรามาเริ่มด้วย อาการของความจำเสื่อมก่อนนะครับ ว่าความจำเสื่อมนั้นเกิดจากอะไรนะครับ อาการความจำเสื่อม นั้นเป็นหนึ่งในอาการของภาวะสมองเสื่อมนะครับ ซึ่งเกิดจากภาวะที่เซลล์ สมองในบริเวณต่าง ๆ เสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตามแต่โดยส่วนมากจะเริ่มจากส่วนที่เล็กน้อย และค่อย ๆ เริ่มขยายใหญ่มากขึ้นซึ่งจะทำให้บุคลเหล่านี้มีปัญหาในด้านความทรงจำมากขึ้นนะครับ   เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง   เมื่อเรารู้แล้วว่า อาการความจำเสื่อม นั้นนั้นมีสาเหตุอะไรบ้าง ซึ่งส่วนมากนั้นนั้นจะมีหลากหลายสาเหตุในการเกิดภาวะความจำเสื่อม นะครับ แต่ว่าถึงแม้จะมีหลากหลายสาเหตุแต่สามารถแบ่งเป็นหัวข้อที่เป็นสาเหตุใหญ่ ๆ ได้ดังนี้    เกิดจากการเสื่อมสลายของสมอง : อย่างแรกเลยนั้นคือในเรื่องของ การเกิดเสื่อมสลายของเซลล์สมอง ซึ่งโรคนี้ที่จะพบได้นั้นคือ โรคอัลไซเมอร์ที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์สมอง โดยโรคอัลไซเมอร์นั้นเป็นโรคที่เริ่มต้นในส่วนของภาวะความจำเสื่อมนะครับ   เกิดจากหลอดเลือดสมองหนาตัว : อีกข้อที่หลายคนนั้นอาจจะยังไม่รู้นั้นคือในเรื่อของ การที่หลอดเลือดนั้นหนาตัวมากเกินไป จนทำให้มีอาการตีบผิดปกติแล้ว ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง ไม่พอ จนไม่เพียงพอต่อการใช้งานของสมอง   สาเหตุอื่น ๆ : เกิดจากสาเหตุบางส่วนที่ทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อม นั้นคือการที่สมองนั้นขาดสารอาหารบางส่วน หรือ วิตามินบางชนิด เช่น วิตามิน B1 หรือ วิตามิน B12 ที่จะทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อมได้นั้นเอง   ความจำเสื่อมรักษาได้หรือไม่ ?   หลายคนนั้นอาจจะสงสัยว่าอาการความจำเสื่อมนั้นสามารถที่จะรักษาได้หรือไม่ เราจะแบ่งออกเป็นการรักษาในรูปแบบได้ 2 รูปแบบนั้นคือ ในกรณที่ร่างกายนั้นสารขาดอาหารอะไรบ้างอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 1 หรือ B12 ถ้าในกรณีจะสามารถที่จะรักษาได้นะครับแต่ว่าถ้าหากว่าในกรณีที่เป็นการตายของเซลล์สมอง หรือ กรณที่เซลล์สมองตายนั้นจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้นะครับ   ดังนั้นนี้เองจึงเป็นเรื่องที่เราอาจจะยังไม่รู้Read more ⟶

ข้อดีที่ควรจะจัดการ “ตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี”

เชื่อว่าหลาย ๆ คนนั้นในช่วงเวลาที่ทำงานอยู่อาจจะเกิดความสงสัยว่าทำไมจะต้องมี การตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี กันด้วย ทั้ง ๆ ที่มั่นใจว่าร่างกายของเราเเข็งแรงดี ดังนั้นในบทความนี้สำหรับใครที่เกิดความสงสัยในข้อนี้เราได้รวบรวมข้อดีที่เราควรจะมีการตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี มาไว้ให้ทุกคนเเล้วนะครับ   ทำให้มั่นใจในสุขภาพของพนักงานได้มากขึ้น   ไม่มีใครรู้นะครับว่าคนไหนมีโรคติดต่อ หรือ ใครที่เชื้อโรคที่เป้นอันตรายในตัวบ้างดังนั้นหนึ่งในข้อดีของการตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี นั้นก็คือทำให้เราสามารถรู้สุขภาพส่วนตัวของพนักงานในแต่ละคนได้ และทำให้มั่นใจในสุขภาพของเเต่ละคนได้มากขึ้นด้วยนะครับ   ลดการเกิดโรคติดต่อ   โรคติดต่อนั้นเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในที่ของคนหมู่มาก ซึ่ง โอกาสที่จะเกิดโรคติดต่อ นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และ  แน่นอนว่าในโรงงาน หรือ บริษัทเอง ก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่เราควรเลือก ตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี นั้นก็เพื่อทำให้พนักงานของเราลดการเเพร่กระจายของโรคติดต่อลง ซึ่งถ้าหากรู้ทัน อาจจะช่วยให้ไม่ถึงอันตรายถึงชีวิตก็ได้นะครับ   รู้ทัน ก่อน อันตรายน้อยกว่า   อีกหนึ่งข้อดีนั้นคือในเรื่องของ การที่สามารถที่จะรู้ทันโรคติดต่อที่เกิดขึ้นได้ เเละ ช่วยป้องกันหรือ หาทางแก้ไขได้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของทั้งพนักงานคนนั้น และ ส่วนรวมด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากรู้ก่อน เราก็สามารถที่จะ ป้องกันได้ก่อน   ผลประโยชน์ของบริษัท   อีกนหนึ่งข้อดีในการตรวจสุขภาพประจำปีนั้นคือในเรื่องของผละโยชน์ของบริษัทเองด้วยเช่นกันเพราะว่าถ้าหากว่ามีคนเกิดโรคติดต่อมากขึ้น จนไม่สามารถควบคุมได้  อาจจะทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์เอาได้นะครับ  ดังนั้นนี้เองจึงเป็นข้อดีของ การตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี ที่หลายคน ๆอาจจะยังไม่รู้และมองข้ามไปนะครับ เเต่การตรวจสุขภาพพนักงานประจำปีรับรองได้เลยว่ามีข้อดีอย่างแน่นอนครับและอย่างน้อยการตรวจปีละ 1 ครั้ง จะทำให้สุขภาพของพนักงานเราดีขึ้นอย่างแน่นอน  

ริดสีดวงรักษาเองแบบง่ายๆ แค่ฝึกขับถ่ายเป็นนิสัย

โรคริดสีดวง คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการขับถ่าย โดยโรคนี้จะทำให้ผู้ป่วยขับถ่ายไม่เป็นปกติ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วย บางคนอาจป่วยถึงขั้นที่ว่าไม่สามารถนั่งได้เลยทีเดียว หากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากรู้ว่าริดสีดวงรักษาเองได้อย่างไร ต้องฝึกขับถ่ายแบบใดบ้าง มาดูพร้อมๆ กัน 1.นั่งขับถ่ายอย่างถูกต้อง ส่วนใหญ่คนที่นั่งขับถ่ายมักจะนั่งท่าที่ตนเองสบายที่สุด โดยจะวางขากับพื้นที่ตั้งของโถสุขภัณฑ์ ลักษณะการนั่งเป็นแบบ 90 องศา หลังตั้งตรง ไม่โน้มตัวไปด้านหน้าหรือด้านหลัง ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าท่านั่งลักษณะนี้จะทำให้จุดที่ควบคุมการขับถ่ายในช่องท้องของเรานั้นถูกบีบรัดเอาไว้ จนทำให้เกิดเป็นปัญหาของการถ่ายยาก ถ่ายไม่ออก ท่านั่งที่เหมาะสมกับการขับถ่ายได้แก่ การนำเก้าอี้ตัวเล็ก สูงราว 30 เซนติเมตร วางรองไว้ในขณะที่เรานั้นนั่งขับถ่ายบนโถสุขภัณฑ์ หรือหากใครหาเก้าอี้ตัวเตี้ยไม่ได้จะเลือกเป็นการนั่งโน้มตัวมาข้างหน้าก็ให้ผลที่ดีไม่แพ้กัน 2.ถ่ายอุจจาระให้หมดลำไส้ การที่อุจจาระค้างอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน จะส่งผลให้น้ำในอุจจาระของคุณนั้นถูกผนังลำไส้ดูดซึมกลับเข้าไปเรื่อยๆ จนอุจจาระแข็งในที่สุด การถ่ายอุจจาระให้หมดลำไส้จึงเป็นเคล็ดลับสำคัญสำหรับโรคริดสีดวงรักษาเอง โดยควรเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง รวมไปถึงการดื่มกาแฟดำในตอนเช้าทันทีที่ตื่นนอน แล้วตามด้วยการดื่มน้ำเย็น ซึ่งกาแฟดำจะไปช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประการสำคัญคือเลี่ยงการรับประทานยาถ่ายจนติดเป็นนิสัย เนื่องจากหากรับประทานยาถ่ายบ่อยครั้ง จะทำให้ลำไส้ไม่มีลมเบ่ง จนต้องทานยาถ่ายทุกวัน 3.ตื่นมานั่งถ่ายทุกเช้า ก่อนจะทำกิจกรรมอย่างอื่น ให้คุณตื่นมานั่งถ่ายเป็นอันดับแรกในทุกเช้า แม้ว่าในขณะนั้นจะไม่มีความรู้สึกอยากขับถ่ายแต่อย่างใด ข้อดีของการนั่งขับถ่ายในตอนเช้า จะทำให้ร่างกายเคยชิน โดยควรฝึกนั่งถ่ายก่อนเวลา 7.00 น. และหากนั่งแล้วยังไม่สามารถขับถ่ายได้ ให้ออกมาดื่มน้ำอุ่น แล้วกระโดดตบเป็นเวลา 20 วินาที จะเป็นการกระตุ้นระบบขับถ่ายได้Read more ⟶

เริ่มต้นดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง ทำไมต้องปรึกษาแพทย์

ในปัจจุบันนี้คนเราหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นในทุกๆมิติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บรวมไปถึงการดูแลตัวเองให้มีรูปร่างที่แข็งแรงสมบูรณ์ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันและจะแยกออกจากกันไม่ได้โดยเด็ดขาดดังนั้นวันนี้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่เรารู้ว่าเราจะหลีกเลี่ยงเสียไม่ได้ไม่ต้องรอให้เจ็บป่วยก่อนแล้วค่อยมาดูแลสุขภาพแต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือก่อนที่เราจะต้องดูแลสุขภาพนั้นเราต้องปรึกษาแพทย์ก่อนพูดมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มไม่เข้าใจ ด้วยเหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนั้นเพราะในการดูแลสุขภาพเราเริ่มต้นจากตัวเราเองได้ง่ายๆอยู่แล้วดังนั้นวันนี้เพื่อให้เราเข้าใจเหตุผลมากขึ้นเราไปดูกันว่าทำไมเราจึงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มต้นดูแลสุขภาพค่ะ คนใกล้ตัวไม่รู้ดีไปกว่าตัวเราเอง คำพูดที่เรามักจะได้ยินเสมอคือร่างกายของเราคือหมอที่ดีที่สุดของเราเองดังนั้นเมื่อเกิดภาวะไม่ปกติกับร่างกายเราย่อมรู้ดีที่สุดแต่คนส่วนใหญ่มักจะถามความคิดเห็นจากคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนใกล้ตัวหรือเพื่อนสนิทเป็นต้นว่าทานอะไรเราถึงจะทำให้ร่างกายเราสุขภาพแข็งแรงดีขึ้นในขณะที่เพื่อนเราเองก็ไม่ได้รู้ว่าเรามีความผิดปกติหรือต้องการสิ่งใด ดังนั้นนอกจากตัวเราเองแล้วควรที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก่อนเริ่มดูแลตัวเอง ก่อนที่จะบำรุงร่างกายเราต้องรู้จักร่างกายของเราให้ถ่องแท้ว่าส่วนไหนมีความบกพร่องหรือสมบูรณ์ประการใดเป็นต้นว่าเรื่องที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั่นก็คือระบบภายในต่างๆของร่างกายของเรามีระบบการทำงานของอวัยวะและส่วนอื่นๆสิ่งต่างๆเหล่านี้แพ้เท่านั้นจะเป็นผู้ตอบได้เพื่อที่จะช่วยให้เราวางแผนการดูแลสุขภาพให้ตรงจุดมากขึ้น การพบแพทย์จะช่วยให้เราลดความเสี่ยงต่อการดูแลสุขภาพแบบผิดๆอย่างที่เราทราบกันดีว่าปัจจุบันนี้เรามีรูปแบบและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากสมัยก่อนดังนั้นสุขภาพร่างกายเราอาจจะเสื่อมโทรมลงไปแต่โดยส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะคิดว่าเกิดจากการพักผ่อนน้อยหรือทานข้าวไม่ตรงเวลารวมไปถึงขาดโภชนาการที่สมดุลโดยที่เราอาจจะคาดคะเนสิ่งต่างๆเหล่านี้ผิดไปถ้าหากเราได้ปรึกษาแพทย์ดังนั้นก่อนที่เราจะเริ่มดูแลตัวเองด้วยวิธีการของเราเองเราควรจะปรึกษาให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วิเคราะห์สุขภาพ ต้องการของเรา การติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพอย่างจริงจังซึ่งถ้าหากเราได้ตรวจโรคก่อนทำการวิเคราะห์และดูแลร่างกายเราก็จะสามารถทำการติดตามผลได้หลังจากที่เราเริ่มดูแลร่างกายตัวเองมาแล้วเรียกว่ามี ผลการตรวจสุขภาพทั้งก่อนและหลังซึ่งเป็นผลที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนทางการแพทย์นั้นเอง

5 ชาสมุนไพรไทย ดื่มง่าย ได้ผระโยชน์

            ชาสมุนไพร ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่กำลังมองหาเครื่องดื่มทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และมีพลังงานต่ำ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาต่อร่างกาย ถือเป็นการบำรุงร่างกายอีกทางหนึ่ง เอาเป็นว่าจะมีสมุนไพรอะไรบ้างมาดูกันเลย 1. กระเจี๊ยบ เชื่อว่ากระเจี๊ยบเป็นหนึ่งในชาสมุนไพรสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน เพราะมีรสชาติเฉพาะตัวที่เปรี้ยว ช่วยเพิ่มความสดชื่นและ ความกระปี้กระเป่า กระเจี๊ยบเป็นพืชประเภทล้มลุก ซึ่งกระเจี๊ยบที่ใช้คือ กระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบแดง มีสรรพคุณในการช่วยลดไขมันในเส้นเลือด แก้ไอ ขับเสมหะ ป้องกันนิ่ว แก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อีกด้วย 2. มะตูม ต่อมาชาสมุนไพรตัวที่สองอย่าง มะตูม มะตูมเป็นจัดไม้ยืนต้น ส่วนของผลมีลักษณะเปลือกแข็ง ส่วนมากมักจะใช้กินเป็นอาหารเมื่อผลมะตูมสุกแล้ว สำหรับมะตูมที่ยังมีขนาดอ่อนสามารถนำมาหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปตากแห้ง ชงแบบชาดื่มได้ โดยจุดเด่นของน้ำมะตูมคงหนีไม่พ้นความหอม เย็น เป็นเอกลักษณ์ของมะตูม ทำให้หลาย ๆ คนติดใจ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดได้ดเป็นอย่างดี มะตูม มีสรรพคุณในการเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร แก้ท้องเสีย แก้ร้อนใน ช่วยในการระบายท้อง 3. ว่านรางจืด ชาว่านรางจืด อาจจะไม่เป็นนิยมมากนัก แต่จริง ๆ แล้วรางจืดนอกจากจะมีสรรพคุณที่มากแล้วRead more ⟶